บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วัดเหนือเมฆ (Taktshang Monastery)ประเทศภูทาน

วัดเหนือเมฆ ( Taktshang Monastery)

วัดเหนือเมฆ (Taktshang Monastery)


วัด Taktshang แห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "Tiger's Nest" ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในประเทศภูทาน (Bhutan) ซึ่งเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่เป็นพุทธแบบมหายาน ผมคงยังไม่เล่ารายละเอียดอะไรมาก เกี่ยวกับประเทศภูทาน ในเรื่องนี้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ตอนนี้ก็ได้รับข่าวสารของภูทานกันมากพอสมควร ด้วยสาเหตุจากความนิยมใน เจ้าชายจิ๊กมี่ ที่บัดนี้ได้ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ แห่งภูทาน แล้วนั่นเอง





พุทธ ศาสนาในภูทาน เป็นการนับถือสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมและประเพณีของเขา ที่หล่อหลอมจนซึบซับเข้าเป็นชีวิตจิตใจของประชาชน เช่นเดียวกับไทยเราเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น ด้วยความที่เป็นประเทศเล็กๆ บนหลังคาโลก เพียงไม่กี่ประเทศนี้เอง ทำให้ภูทาน หลีกพ้นจากการรุกรานของชาวมุสลิม ที่เข้ายึดครองอินเดีย จนพุทธศาสนาสิ้นไปจากอินเดียในช่วงนั้น ที่จริงการเกิดของลัทธิมหายาน ก็เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งเพื่อการอยู่รอดของศาสนาพุทธ จากการรุกรานของศาสนาอื่น ทั้งทางด้านการเผยแพร่ และการใช้กำลังยึดครองบังคับ ดังนั้นถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านเนื้อหา วิธีการ หรือพิธีกรรม ไปจากแบบเถรวาทบ้าง แต่การสร้างความศรัทธา เลื่อมใส ก็สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจ ของชาวภูทานไว้ใต้ร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาไว้ได้อย่างมั่นคง










วัด Taktshang นี้ ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุด ของภูทาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 700 เมตรจากพื้นล่างในหุบเขา ปาโร และด้วยระดับความสูง 3,120 เมตร จากระดับน้ำทะเล ฉายาว่า “รังเสือ” ของวัดนี้ ได้มาจากตำนานเก่า ที่เล่าว่า พระรินโปเช (Padmasambhava - Guru Rinpoche) ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่นิกายมหายานในภูทาน ได้เหาะมาที่นี่บนหลังเสือ และได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ เป็นเวลาถึง 3 เดือน หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2227 จึงเริ่มมีการสร้างวัดขึ้น โดย Gyelse Tenzin Rabgye พระอาจารย์ใหญ่ผู้นำทางศาสนา รุ่นที่ 4 ของภูทาน










วัด แห่งนี้มีโบสถ์ วิหารทั้งหมด 7 หลัง และถึงแม้จะได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ หลายครั้ง ล่าสุดก็เมื่อปีพ.ศ. 2541 นี่เอง จนต้องมีการการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ การเดินทางขึ้นไปเยือน นอกจากเดินเท้าแล้ว ก็สามารถขี่ล่อขึ้นไปได้ด้วย แต่ก็ต้องมีร่างกายแข็งแรงพอสมควรนะครับ เพราะขนาดที่มองเห็นด้วยสายตาแบบนี้ ก็ต้องใช้เวลาไต่บันใดขึ้นไปกว่า 3 ชั่วโมงเลยเชียว บางช่วงก็สูงชัน บางช่วงก็น่าหวาดเสียว จึงมีนักเดินทางส่วนหนึ่งที่ยอมแพ้ ต้องกลับลงมาก่อนที่จะขึ้นถึง แม้ระหว่างทาง เขาจะมีศาลาน้ำชา ให้นักเดินทางนั่งพักเหนื่อยแล้วก็ตาม การมาเยือนที่นี่ จึงไม่ใช่ต้องมีแต่แรงกายเท่านั้น แรงใจหรือพลังศรัทธาก็ต้องมีอยู่สูงด้วย จึงจะทนบากบั่นขึ้นไปจนถึงวัดได้สำเร็จ








บน ศาลาพักผ่อนนี้ เราสามารถนั่งมองวิวไปในตัว ซึ่งถ้าวันไหน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส เราก็จะสามารถมองเห็นยอดเขา Chomolhari อันศักดิ์สิทธิ์ ของภูทานได้ และเมื่อผู้ใดที่สามารถขึ้นไปถึงวัดได้ สิ่งที่พวกเขาได้สัมผัสรับรู้ ก็คือความตื่นตะลึง และชื่นใจกับภาพวัดที่สวยงาม บนขอบผานั่นเอง จนลืมความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายไปในทันที





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น