บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวพะเยา ชมฟักทองยักษ์ ณ โครงการหลวงปังค่า

เที่ยวพะเยา ชมฟักทองยักษ์ ณ โครงการหลวงปังค่า

โครงการหลวงปังค่า

โครงการหลวงปังค่า


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก visitphayao.com และ thairoyalprojecttour.com

          "พะเยา" ถึงจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่ก็มีความงดงามของธรรมชาติซุกซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกร้อนภูซาง, ฝั่งต้า, ยอดดอยภูลังกา และกว๊านพะเยา แต่นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า" อีกด้วย และวันนี้กระปุกท่องเที่ยวก็จะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสกับความสวยงามของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า พร้อมกับชิมผักสด ๆ ผลไม้หวานกรอบกัน เอ้า! พร้อมแล้วก็ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า

โครงการหลวงปังค่า

          สำหรับ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า นั้น ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยกรมพัฒนาที่ดินดำเนินการบุกเบิกพื้นที่ จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ จัดสรรพื้นที่ทำมาหากินให้แก่ราษฎร จากนั้นส่งเสริมให้ปลูกไม้ผลเมืองหนาว ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า สูงจากระดับน้ำทะเล 640 เมตร พื้นที่รับผิดชอบ 22,505 ไร่ ประกอบด้วยชาวเขาเผ่าเย้าและม้ง ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะพื้นที่เป็นเนินเขาและภูเขาสูง มีลำน้ำสายสำคัญ คือ ลำน้ำแม่คะ และลำน้ำเงิน

โครงการหลวงปังค่า

          ส่วนกิจกรรมการท่องเที่ยวก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น ชมแปลงผลผลิต อย่างฟักทองยักษ์ ฟักทองสีขาว ฯลฯ โดยฟักทองยักษ์เคยหนักสุดถึง 72 กิโลกรัม (เมื่อปี พ.ศ. 2551), ชมแปลงไม้ดอกไม้ประดับ อย่างแว็กซ์ฟลาวเวอร์ มะเขือการ์ตูน ฯลฯ, ชมแปลงไม้ผล เช่น อะโวกาโด มะม่วง ส้มโนรีตะ ส้มคัมควอท ฯลฯ และชมสวนลิ้นจี่ ของเกษตรกรบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ โดยจะออกผลในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม

โครงการหลวงปังค่า

          ด้านการท่อง เที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น ชมวิถีชีวิตของชนเผ่าม้งที่หมู่บ้านสิบสองพัฒนาและบ้านปางค่าเหนือ, ชมวิถีชีวิตของชนเผ่าเย้าที่บ้านปางค่าใต้ หรือจะเป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อย่างขึ้นไปสัมผัสความงดงามของขุนเขา ณ ยอดดอยภูลังกา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำยม ยอดเขาสูง 1,720 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสันเขาแคบๆ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า โดยจุดนี้สามารถมองเห็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสามเหลี่ยมทองคำได้อย่างชัดเจน

โครงการหลวงปังค่า

          ชมทิวทัศน์ได้รอบโดยเฉพาะทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้นและตกบน ดอยภูนม ซึ่งเป็นสันเขาแคบ ๆ ทอดตัวต่อลดหลั่นมาจากดอยภูลังกา หรือจะไปเที่ยว ดอยหัวลิง ที่เมื่อมองทางทิศเหนือหรือใต้จะเห็นยอดดอยคล้ายหัวลิงหันหน้าไปทางทิศตะวัน ออก ด้านตะวันตกเป็นป่าดงดิบเขาด้านทิศตะวันออกเป็นหน้าผาสูงชันมีหญ้าปกคลุมและ ลมพัดแรง เหมาะสำหรับชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น และปิดท้ายด้วยการไปชมทะเลหมอก ณ บ้านปางมะโอ อยู่เลยทางเข้าภูลังกา ไปตามเส้นทางหลวงสาย 1148 ราว 10 กิโลเมตร

ฝากของที่ระลึก


          ผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาล และผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมชาวบ้าน เช่น ผ้าเขียนลายเทียน ผ้าปัก กระเป๋าใส่เงิน กระเป๋าใส่มือถือ สมุดจดบันทึกหน้าปกลายผ้าปัก เสื้อแบบเย้า เครื่องเงิน ฯลฯ


โครงการหลวงปังค่า

ที่พัก-ร้านอาหาร


          บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 5 หลัง รองรับได้ 20 คน มีสถานที่กางเต็นท์ และบริการเช่าเต็นท์พร้อมถุงนอน ส่วนที่พักของวนอุทยานภูลังกา มีร้านอาหารบริการภายในศูนย์ และมีร้านค้าของชาวบ้านในบริเวณหมู่บ้าน

การเดินทาง

          เริ่มต้นจากจังหวัดพะเยา ผ่านอำเภอดอกคำใต้-จุน มุ่งหน้าไปอำเภอเชียงคำ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1179 เลี้ยวขวาที่ กม.8 เข้าทางหลวงสาย 1148 สายเชียงคำ-น่าน จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่ กม.90 ขับต่อไปตามถนนรพช. อีกประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางไปจนถึงวนอุทยานภูลังกา รถเก๋งสามารถขึ้นไปได้อย่างสบาย หากจะขึ้นไปเที่ยวที่ดอยภูลังกา ให้ติดต่อเหมารถ 4WD ที่วนอุทยานภูลังกา

          ทั้ง นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า บ้านปังค่า ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา 56140 โทรศัพท์ 0 5440 1023 และองค์การบริหารส่วนตำบลผาช้างน้อย โทรศัพท์ 0 5440 1100

15 สถานที่ท่องเที่ยว หนาวนี้เที่ยวไหน

15 สถานที่ท่องเที่ยว หนาวนี้เที่ยวไหน

แม่ฮ่องสอน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คู่หูเดินทาง, ททท., tourismchiangrai.com และ คุณ oaddybeing                                                                                   

          เมื่อ สายลมเย็น ๆ โชยมากระทบผิวกาย เสมือนส่งสัญญาณเป็นนัย ๆ ว่ากลิ่นอายของฤดูหนาวกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ภาพความงดงามของทะเลหมอกขาวโพลน สีเขียวชะอุ่มของขุนเขาสลับซับซ้อน ท้องฟ้าสีครามตัดกับเมฆขาวไม่ไกลเกินเอื้อม คงผุดขึ้นภายมาในใจของใครหลาย ๆ คน

          แหม ๆ เสน่ห์ของธรรมชาติมันช่างเย้ายวนให้เราเดินทางไปสัมผัสซะเหลือเกิน อิอิ แต่เอ...แล้วจะไปเที่ยวหน้าหนาวที่ไหนดีล่ะ ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นยะเยือกบนยอดเขายอดดอย ล่องใต้ไปเล่นน้ำทะเลให้ฉ่ำปอด แวะไปทัวร์อีสานหาของอร่อย ๆ กิน หรือไปผจญภัยแถวภาคตะวันตกดี โอ้ย! ไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้นจ้า เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมหยิบเอา 15 สถานที่เที่ยวหน้าหนาว มาแนะนำกัน เริ่มกันที่...

ภูกระดึง

ภูกระดึง 

          เรียกได้ว่าเป็น ภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ที่เหล่านักเดินทางคิดถึงเสมอ เพราะความสวยงามของทิวทัศน์ บวกกับสภาพธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ ผสมผสานกับความยากลำบากในขึ้นไปพิชิต ทำให้ใคร ๆ ต่างก็อยากลิ้มลองสัมผัสกับภูกระดึงสักครั้งในชีวิต

          ส่วนจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง ได้แก่ ผานกแอ่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมากแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นมีดอกกุหลาบป่าขึ้นเป็นดงใหญ่ ซึ่งบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม-เมษายน, ผาหล่มสัก เป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยว ช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง

          นอกจากนี้ ยังมี ผาหมากดูก น้ำตกวังกวา น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำตกถ้ำสอใต้ สระอโนดาต เป็นต้น

          ทั้งนี้ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีด่านเก็บค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท และบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 15 บาท นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเต็นท์และบ้านพักได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ โทรศัพท์ 0 4287 1333, 0 4287 1458 ระหว่างเวลา 07.00-18.00 น. หรือติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th

          หมายเหตุ : อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะปิดระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายนทุกปี เพื่อให้สภาพธรรมชาติฟื้นตัวและปรับปรุงสถานที่พักสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับ นักท่องเที่ยว อีกทั้งยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 5,000 คน ต่อวัน และกางเต็นท์บนอุทยานฯ 200 หลัง ต่อวัน

สวนผึ้ง

สวนผึ้ง

          สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และน้ำตก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบสูง ภูมิประเทศของสวนผึ้งนั้นขนาบด้วยเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนทางตะวันตกกั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า การเดินทางสะดวก ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว

          เสน่ห์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากไปเยือน สวนผึ้ง ราชบุรี นั่นก็คือ "แกะ" สีขาวขนปุย และรีสอร์ทสวย ๆ ที่ประดับประดาตกแต่งด้วยไอเดียแจ่ม ๆ หลากแบบหลายสไตล์ ให้นักท่องเที่ยวเลือกสรรได้ตามความชอบใจ และนอกจากไปพักผ่อนกายพักผ่อนใจที่รีสอร์ทสวย ๆ แล้ว สวนผึ้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "โป่งยุบ" ปรากฎการณ์แผ่นดินยุบตัวลง และถูกน้ำกัดเซาะดินทำให้เกิดเป็นหน้าผาสูงชันเป็นหลุมเป็นบ่อ ลักษณะคล้ายกับแพะเมืองผีที่จังหวัดแพร่

          ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นธารน้ำร้อนที่ไหลออกจากซอกหินเชิงเขาตะนาวศรี มีความร้อนประมาณ 50-57 องศาเซลเซียส ไหลลงสู่สระใหญ่ เเวดล้อมด้วยธรรมชาติ ทิวทัศน์สวยงาม มีบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าพักผ่อนและอาบน้ำร้อน, น้ำตกเก้าโจน หรือ น้ำตกเก้าชั้น เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูง 9 ชั้น ตั้งอยู่ในหุบเขาที่สมบูรณ์ แวดล้อมรอบด้วยธรรมชาติ

          เขากระโจม เป็นพื้นที่ที่สูงที่สุดในจังหวัดราชบุรี ประมาณ 1,045 เมตร จากระดับน้ำทะเล การเดินทางสู่ยอดเขาต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น สองข้างทางยังเป็นป่าเขาสภาพสมบูรณ์ พบกล้วยไม้ป่าหลากหลายอยู่ทั่วไป ทัศนียภาพโดยรวมคล้ายทางภาคเหนือ บนจุดสูงสุดเป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-พม่า มีลานกว้างสำหรับกางเต็นท์พักแรม สามารถชมทัศนียภาพได้รอบบริเวณ ระหว่างทางมีน้ำตกผาแดง จุดพักชมวิว และทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม และ น้ำตกบ้านบ่อหวี เป็นน้ำตกขนาด 7 ชั้น มีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก น้ำใสสะอาด เหนือขึ้นไปบนน้ำตกจะเป็นชายแดนไทย-พม่า มีฐานทหารรักษาการอยู่ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ

ดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์  

          ฮอตฮิตไม่มีตกเทรนด์สำหรับ ดอยอินทนนท์ หรือ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เพราะไม่ว่าจะรักการเที่ยวแบบชิล ๆ หรือลุย ๆ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งนี้ ก็พร้อมต้อนรับด้วยความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง รวมถึงมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย

          ส่วนสถานที่น่าสนใจ ณ ดอยอินทนนท์ ได้แก่ น้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่ง เพราะน้ำซึ่งไหลลงมาจากหน้าผาที่สูงชัน 280 เมตร ลงมากระทบโขดหินเป็นชั้น ๆ เหมือนม่าน แล้วลงไปรวมกันที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง น้ำใสเย็นเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ, น้ำตกแม่กลาง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว สูงประมาณ 100 เมตร ต้นน้ำอยู่บนดอยอินทนนท์ มีน้ำไหลตลอดปี มีความสวยงามตามธรรมชาติ, น้ำตกวชิรธาร เดิมชื่อ "ตาดฆ้องโยง" น้ำจะดิ่งจากผาด้านบนตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ในช่วงที่มีน้ำมากละอองน้ำจะสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณรู้สึกได้ถึงความเย็นและ ชุ่มชื้น

          ถ้ำบริจินดา ภายในถ้ำลึกหลายกิโลเมตร เพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อย หรือชาวเหนือเรียกว่า "นมผา" สวยงามมาก มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในถ้ำด้วย, น้ำตกสิริภูมิ  ไหลมาจากหน้าผาสูงชัน เป็นทางยาวสวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กัน

          โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยดอกไม้เมืองหนาวเป็นหลัก นอกจากนั้นยังมีโครงการวิจัยสตรอว์เบอร์รี โครงการวิจัยกาแฟ โครงการวิจัยฝรั่งคั้นน้ำ ไม้ผล เช่น สาลี่ พลับ กีวี ทิบทิมเมล็ดนิ่ม ฯลฯ ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส กุหลาบ เยอบีรา ฯลฯ ผัก เช่น พริกหวาน มะเขือเทศ เซเลอรี ฯลฯ อีกทั้งยังมีพืชผักสมุนไพรและไม้ผลขนาดเล็ก ซึ่งจัดจำหน่ายภายใต้ตรา "ดอยคำ" นอกจากนี้ ยังมีประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจ ได้แก่ การทำนาข้าวขั้นบันไดของเผ่ากะเหรี่ยง ประเพณีกินวอของชาวเผ่าม้งบ้านขุนกลาง

          พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ. 2535 รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม, ยอดดอยอินทนนท์ จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,565 เมตร) มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไท ยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย

          น้ำตกห้วยทรายเหลือง น้ำตกขนาดกลาง มีน้ำไหลแรงตลอดปี และไหลจากหน้าผาลงมาเป็นชั้น ๆ เข้าทางเดียวกับน้ำตกแม่ปาน, น้ำตกแม่ปาน นับว่าเป็นน้ำตกที่ยาวที่สุดของเชียงใหม่ก็ว่าได้ น้ำจะตกลงมาจากหน้าผาซึ่งสูงกว่า 100 เมตร เป็นทางยาว ถ้ามองดูแต่ไกลจะเห็นสายน้ำยาวสีขาวตัดกับสีเขียวของต้นไม้ทำให้ดูเด่น น้ำที่ตกลงมายังเบื้องล่างกระทบโขดหินแตกเป็นฟองกระจายไปทั่วบริเวณทำให้มี ความชุ่มชื้น เบื้องล่างมีแอ่งน้ำรองรับอยู่ สามารถพักผ่อนลงอาบเล่นได้

          เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน ระยะทางเดิน 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้จริง แต่การใช้เส้นทางนี้ต้องลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตให้ใช้เส้นทาง โดยติดต่อที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานฯ และควรจัดกลุ่มละไม่เกิน 15 คน, อ่างกาหลวง เส้นทางนี้มีระยะทาง 1,800 เมตร พื้นที่นี้เป็นหนองน้ำซับในหุบเขา จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ป่าดิบเขาระดับสูง ลักษณะของพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อนที่พบเฉพาะในระดับสูง

          ทั้งนี้ ก่อนการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5326 8550 ตลอด 24 ชั่วโมง และ โทรศัพท์ 0 5326 8577 ระหว่าง 08.00-17.00 น. หรือ www.doiinthanon.com

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง 

          เพราะอากาศบน ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ หนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง จึงไม่แปลกหากนักเดินทางจะแวะเวียนไปท่องเที่ยว อีกทั้งบนดอยยังมีสถานที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน สามารถชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอว์เบอร์รี สาลี่ ราสเบอร์รี พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น พืชผักเมืองหนาว เช่น แครอท ผักสลัดต่าง ๆ ฯลฯ แปลงไม้ดอก เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ จำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในโครงการฯ และมีที่พักบริการ เปิด 06.00-18.00 น. กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง มีหลายอย่าง เช่น เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ขี่ฬ่อชมธรรมชาติ เป็นต้น สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 0 5345 0107-9

          สวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันยังมีสวนสมุนไพร ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม, หมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิ ชาวไทยใหญ่ ชาวพม่า และชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว, จุดชมวิวกิ่วลม อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย

          หมู่บ้านนอแล ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมา มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดน ไทย-พม่า, หมู่บ้านขอบด้ง เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่ามูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตรและด้าน หัตถกรรมพื้นบ้าน บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ, หมู่บ้านหลวง ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้ง ที่ 2 และประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่

          พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) หมู่ 12 บ้านยาง แสดงนิทรรศการจำลองโรงงานหลวงแห่งแรก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศแบบบูรณาการของพระบาท สมเด็จพระจ้าอยู่หัวฯ เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. โทรศัพท์ 0 5329 3630 หรือ www.firstroyalfactory.org บริเวณรอบ ๆ เป็นหมู่บ้านที่ราบเชิงเขาลุ่มแม่น้ำงอน มีบ้านดินที่สื่อถึงวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น น้ำตกบ้านยาง แปลงสมุนไพร โรงไฟฟ้าพลังน้ำ วัดเจ้าแม่กวนอิมพระราชทาน ตลาดสด ทั้งนี้ การเที่ยวชมโครงการหลวงในพื้นที่ต่าง ๆ ศึกษารายละเอียดได้ที่ www.thairoyalprojecttour.com

ดอยเสมอดาว

ดอยเสมอดาว 

          ดอยเสมอดาว อยู่ในอาณาบริเวณของ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นและตก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาของแม่น้ำน่านตอนใต้ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักเดินทางแวะเวียนไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

          โดยเฉพาะบริเวณ จุดชมวิวดอยเสมอดาว และ ผาหัวสิงห์ ที่เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและตกยามเย็น ซึ่งท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง เห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำน่านที่ทอดยาวในหุบเขา และเห็นยอดผาชู้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า อีกทั้งยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ท่านได้เดินเที่ยวชมกัน บรรยากาศสวยงามมาก ๆ

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ ปณ.14 อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150 โทรศัพท์ 08-1224-0800

ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม

          ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ริมไปซะแล้ว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวทิวเขาสลับซับซ้อน แถมยามค่ำคืนฟากฟ้าแวดล้อมไปด้วยดวงดารา ส่องแสงประกายระยิบระยับ

          อีกทั้งยังเป็นสถานที่พักแห่งใหม่ของโครงการหลวง เพิ่งเปิดตัวไม่เมื่อปลายปี พ.ศ. 2552 ในรูปแบบ "แคมปิ้ง รีสอร์ท" ที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมชูความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย เช่น ในเต็นท์มีบริเวณส่วนตัว มีห้องน้ำส่วนตัว น้ำร้อน ไฟฟ้า และเครื่องใช้ครบครัน ประหนึ่งอยู่ในห้องพักโรงแรม แต่พิเศษกว่าตรงที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่คุณเปิดหน้าต่าง สายลมเย็น ๆ วิวขุนเขา สายหมอก ก็โผล่รอต้อนรับ แถมยามค่ำคืนดาวน้อยใหญ่จะค่อย ๆ ส่องประกายแวววับให้มองเพลิน ๆ

          นอกจากนี้ หลังดื่มด่ำกับความงดงามของทัศนียภาพกันพักใหญ่ ท้องไส้ก็เริ่มร้องหาอาหารอร่อย ๆ อะ ๆ ไม่ต้องมองไปไหนไกล ที่ ม่อนแจ่ม มีร้านอาหารที่นำผลิตผลท้องถิ่นที่ปลูกเอง มาปรุงให้รับประทานกันด้วย ผัก ๆ สด ๆ หวานกรอบ และถ้ากินอิ่มแล้วอยากยืดแข้งขืดขา ก็สามารถไปเดินชมแปลงสตรอว์เบอร์รีผลสีแดงสด หรือไปเดินเล่นรอบเขาที่มีวิวสวย ๆ ก็ได้

ดอยปุย

ดอยปุย

ดอยปุย

          ดอยปุย เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่จะหนาวเย็นและชุ่มชื้น เนื่องจากได้รับไอน้ำจากเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่อยู่ระหว่าง 10-12 องศาเซลเซียส ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ ยอดดอยปุย สูง 1,658 เมตร จากระดับน้ำทะเล บนยอดดอยปกคลุมด้วยป่าสนเขาผืนใหญ่ และเป็นแหล่งดูนกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ใกล้กับยอดดอยปุยมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์ ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 250 คน

          พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบรมวงศานุวงศ์ ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน มาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า "เรือนหมู่" มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย และเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชม 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงเช้า (08.30 - 11.30 น.) และช่วงบ่าย (13.00 - 15.30 น.) ปิดพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เวลา 16.30 น. อัตราค่าธรรมเนียมเข้าชม สำหรับชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท

          หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยว มีพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้ซึ่งมีบริการถ่ายรูปแต่งชุดชาวเขา บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์ได้ นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง, สันกู่ ตั้งอยู่บริเวณเส้นทางไปลานกางเต็นท์ดอยปุย ห่างจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ประมาณ 4 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวและลาดชัน ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง สันนิษฐานว่าโบราณสถานสันกู่มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-22

          สถานีวิจัยดอยปุย หรือเรียกว่า สวนสองแสน เป็นแปลงทดลอง 74 ไร่ 1 งาน 97.5 ตารางวา สวนนี้นับเป็นสวนประวัติศาสตร์ของการเกษตรบนที่สูง คือเป็นสวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 200,000 บาท เพื่อทรงสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาบนที่สูง เพื่อการจัดหาพื้นที่เพิ่มเติมให้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินการศึกษาวิจัยขอองมูลนิธิโครงการหลวง ในการดำเนินการวิจัยทดลองและขยายพันธุ์พืชเขตหนาว

          ทั้งนี้ สอบสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5329 5041 ตลอด 24 ชั่วโมง และ 0 5321 0244 ระหว่าง 08.00-17.00 น.

ดอยแม่สลอง

ดอยแม่สลอง

          เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อบ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจากกองพล 93 จากพม่าเข้ามาในเขตไทย จำนวนสองกองพัน คือ กองพันที่ 3 เข้ามาอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพันที่ 5 อยู่ที่บ้านแม่สลองนอก ตั้งแต่ พ.ศ. 2504

          ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด สีชมพูอมขาวจะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง เป็นพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น

          จุดน่าสนใจบนดอยแม่สลอง ได้แก่ ชมไร่ชาและศึกษาวิธีการผลิตชา ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส และอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ประเทศไทย ศึกษาเรื่องราว ประวัติของชาวดอยแม่สลอง มีไกด์นำชม และเปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท โทรศัพท์ 0 5376 5170, 0 5376 5180 ศูนย์ประสานงานนำเที่ยวชุมชุน Homestay และกางเต็นท์ โทรศัพท์ 0 5371 0024, 08 5038 6362 อบต. แม่สลองนอก โทรศัพท์ 0 5376 5129

          การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก (ทางขวาไปหมู่บ้านเทิดไทย) ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงราย ไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง

ภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้า 

          ภูชี้ฟ้า หรือ วนอุทยานภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลทับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า อยู่สูงจากระดับทะเลประมาณ 1,628 เมตร โดยมีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว บนยอดภูชี้ฟ้าเป็นทุ่งหญ้ากว้างไกล

          การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงราย-เทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากเทิง-บ้านปี้ ระยะทาง 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 ผ่านบ้านปางค่า บ้านเชงเม้ง เป็นทางลาดยาง ถึงภูชี้ฟ้าระยะทาง 42 กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 1021 สายเทิง-เชียงคำ-บ้านฮวก ก่อนถึงเชียงคำ 6 กิโลเมตร มีทางแยกไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกภูซาง อีก 19 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อไปยังภูชี้ฟ้าอีก 30 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถวนอุทยานภูชี้ฟ้าแล้วเดินเท้าไป จุดชมวิวประมาณ 700 เมตร

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วนอุทยานภูชี้ฟ้า โทรศัพท์ 08 1883 4510 และ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทรศัพท์ 0 5371 0195-6

ปาย

ปาย

          ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นรอยต่อชายแดนไทย - พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด ที่แห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำค้างจาง ๆ ยามเช้า และด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ทำให้เมืองปายยังคงความเป็นธรรมชาติไว้สูง ความเจริญทางวัตถุยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงที่นี่ได้มากนัก เอกลักษณ์เหล่านี้ดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองปายได้นัก ต่อนัก

          ในอดีตเมืองปายมักรู้จักเฉพาะกันเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งต่อมาก็เป็นที่นิยมท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย และเมืองปายถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย และกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาดเที่ยวชม "ถนนคนเดินปาย" ซึ่งจัดขึ้นในถนนชัยสงคราม บริเวณท่ารถปาย ทั้งถนนจะปิดการจราจร ให้นักท่องเที่ยวเดินเลือกซื้อสินค้า ทั้งจากสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นของชาวเขา ตลอดจนสินค้าอื่น ๆ ทั่วไป โดยเฉพาะของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า รูปภาพ โปสการ์ด ตลอดจนร้านอาหาร ที่พัก แหล่งบันเทิงต่าง ๆ จะมีอยู่เรียงรายในถนนเส้นนี้ และกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวยอดนิยม คือการเขียนโปสการ์ดส่งไปจากปาย ทำให้เมืองปายมีร้านโปสการ์ดและร้านกาแฟอยู่ทั่วไปในถนนคนเดิน

เขาค้อ

เขาค้อ 

          เขาค้อ เป็นชื่อเรียกรวมทิวเขาน้อยใหญ่ของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเขาค้อ เหตุที่เรียกกันว่า "เขาค้อ" เพราะป่าบริเวณนี้เดิมมีต้นค้อซึ่งเป็นไม้ตระกูลปาล์มขึ้นอยู่มาก ภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นสบายตลอดปีแม้ในฤดูร้อน และค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว รวมทั้งมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนมากมาย ยอดเขาค้อมีความสูงประมาณ 1,174 เมตร เหนือระดับทะเล เขาย่าสูง 1,290 เมตรและเขาใหญ่ สูง 865 เมตร นอกจากนั้นยังมีเขาตะเคียนโง๊ะ เขาหินตั้งบาตร เขาห้วยทราย และเขาอุ้มแพ

          จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบริเวณเขาค้อมีหลายแห่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การสู้รบกับคอมมิวนิสต์ ได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ พิพิธภัณฑ์อาวุธ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ นอกจากนี้ ยังมีพระบรมธาตุเจดีย์ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตก ส่วนที่พักบนเขาค้อ มีให้เลือกหลายแห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตำบลทุ่งสมอและแคมป์สน ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อประมาณ 30 กิโลเมตร ที่พักที่อยู่ใกล้ที่สุด ได้แก่ บ้านพักทหารม้า กิโลเมตรที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 2196 กองพลทหารม้าที่ 28 และเรือนพักผู้ติดตามอยู่ใกล้กับพระตำหนักเขาค้อและเขาย่า นอกจากนี้ ยังมีรีสอร์ทต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางขึ้นเขาค้ออีกหลายแห่ง

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก 

          ภูทับเบิก อยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 90 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,768 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล ตอนเช้ามีกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์

          ปัจจุบันภูทับเบิกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก หมู่ 14 และหมู่ 16 โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ในราวเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีดอกซากุระหรือนางพญาเสือโครงสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา นอกจากนี้ ในยามค่ำคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือนในอำเภอหล่มสักที่อยู่ เบื้องล่าง เปรียบได้กับ "ดาวบนดิน" จากสภาพดังกล่าว ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า "นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน"

          นอกจากนี้ ยังไม่ควรพลาดไปชมแปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวภูทับเบิกจะสวยงามมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่กะหล่ำปลีกำลังออกผลผลิต รวมถึงไปซื้อผลิตภัณฑ์อย่างผักหรือผลไม้ ที่สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ แปลงทดลองทับเบิก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานีสาธิตปลูกพืชเกษตรเมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี สาลี่ พลัม ท้อ และจำหน่ายผลผลิตสด ๆ ที่แปลง (ตามฤดูกาล)

ภูเรือ

ภูเรือ

          ภูเรือ หรือ อุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เป็นภูเขาสูงใหญ่บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขา อากาศเย็นตลอดปี และเป็นอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า "แม่คะนิ้ง" มีเนื้อที่ประมาณ 75,525 ไร่ ช่วงเดือนที่เหมาะที่จะมาเที่ยวคือเดือนตุลาคม-มีนาคม

          สถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ได้แก่ จุดชมทิวทัศน์เดโช เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ในวันที่อากาศดีนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูต่าง ๆ ของเมืองเลยได้, ผาโหล่นน้อย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก จากจุดนี้จะมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขาสลับซับซ้อน, ผาซับทอง หรือ ผากุหลาบ เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทองขึ้นเต็มไปทั่ว

          น้ำตกห้วยไผ่ ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน มีความสูงประมาณ 30 เมตร น้ำตกแห่งนี้นำไปใช้ทำน้ำประปาในอำเภอภูเรือด้วย, ยอดภูเรือ เป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานหินที่มีทุ่งหญ้าขึ้นแซมสลับกับป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติและสนสามใบ ที่เป็นสนปลูก จากจุดนี้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำเหืองและ แม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาวได้

          ทั้งนี้ อุทยานฯ มีบริการบ้านพักไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ติดต่อขอรายละเอียดและสำรองที่พักล่วงหน้าได้ที่ ที่ทำการอุทยานฯ โทรศัพท์ 0 4280 1716, 0 4280 7625 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760

          ส่วนการเดินทาง จากตัวเมืองเลยใช้ทางหลวงหมายเลข 203 เส้นทางเลย-ภูเรือ ระยะทางประมาณ 54 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 49-50 ตรงที่ว่าการอำเภอภูเรือ เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร รถยนต์สามารถขึ้นได้ และมีทางเดินเท้า 700 เมตร  ก็จะถึงยอดภูเรือ

เชียงคาน


เชียงคาน 

          เชียงคาน เป็นอำเภอเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขงสงบเงียบ ในย่านชุมชนยังคงมีห้องแถวไม้ บ้านไม้เก่าแก่ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ เป็นเสน่ห์ที่สุดคลาสสิคของเชียงคาน บางแห่งตกแต่งทำเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้าสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนแบบสบาย ๆ ใกล้ชิดกับชุมชน

          ซึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ คือตักบาตรตอนเช้า ชมวัด และล่องเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งโขง สินค้าที่ขึ้นชื่อของเชียงคาน คือ ผ้านวม  มะพร้าวแก้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนไม่ควรพลาดที่จะซื้อเป็นของฝาก ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเลย โทรศัพท์ 0-4281-2812, 0-4281-1405


เขาใหญ่

เขาใหญ่

          เขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีอาณาเขตครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี  นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก  ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานานาชนิด อีกทั้งยังได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2548

          มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 24 ถนนธนะรัชต์ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ด้านอำเภอปากช่อง สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2505 ประชาชนมักแวะไปกราบไหว้ขอโชคลาภและขอพรอยู่เสมอ, น้ำตกกองแก้ว เป็นน้ำตกเตี้ย ๆ ในฤดูฝนดูสวยงามมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ, น้ำตกผากล้วยไม้ เป็นน้ำตกขนาดกลางในห้วยลำตะคอง บริเวณน้ำตกมีกล้วยไม้หวายแดงขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้

          น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป มีจุดชมน้ำตกในระยะไกลที่สามารถมองผ่านแมกไม้เห็นภาพของน้ำตกทั้งหมดในมุม สูงได้สวยงาม หรือหากต้องการสัมผัสกับสายน้ำตกและแอ่งน้ำด้านล่าง ก็มีทางเดินลัดเลาะลงไปได้ แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะมาก ไหลแรงและเย็นจัดควรระมัดระวังอันตราย, น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดของอุทยานฯ น้ำตกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันในลักษณะชันดิ่ง 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ในฤดูฝนสายน้ำที่ไหลทะลักไปสู่หุบเหวเบื้องล่างจะแรงมากจนน่ากลัว

          หอดูสัตว์ เป็นสถานที่จัดทำขึ้นสำหรับการดูสัตว์ป่า ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.  นอกจากนี้ ในบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขญ.4 (คลองปลากั้ง) ยังได้จัดให้มีหอดูสัตว์ชมกระทิง โดยอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าติดชายป่า เชิงสันเขากำแพง ในเวลาเย็นจะมีฝูงกระทิงออกหากินบริเวณใกล้ ๆ

          ทั้งนี้ อุทยานฯ มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว วันละ 2,000 คน ดังนั้น ผู้ประสงค์จะเข้าไปเที่ยวในอุทยานฯ กรุณาสอบถามหรือติดต่อล่วงหน้าที่ โทรศัพท์ 0 3736 5033, 08 1877 3127, 08 6092 6531 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและไม่เป็นการรบกวนการดำรงชีวิตสัตว์ป่า ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนอุทยาน และห้ามรถยนต์ขนาดมากกว่า 40 ที่นั่ง รถสองชั้นหรือมีความสูง 3.50 เมตร ขึ้น – ลงเส้นทางระหว่างด่านศาลเจ้าพ่อ อำเภอปากช่อง ถึงที่ทำการอุทยานฯ สำหรับการขึ้น –ลงเส้นทางระหว่างด่านเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ถึงที่ทำการอุทยาน ห้ามขึ้น – ลง ระหว่างเวลา 16.00 – 06.00 น.

          และ นี่เป็นเพียงที่เที่ยวหน้าหนาวเพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบมาบอกกัน แต่จริง ๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่สวยงามยังมีเพียบ ใครอยากออกไปสัมผัสสายลมหนาวก็ต้องออกไปเที่ยวเมืองไทยกันนะจ๊ะ

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555


เพลิดเพลินกับวันวาน ณ ตลาดฉัตรศิลา หัวหิน

เพลิดเพลินกับวันวาน ณ ตลาดฉัตรศิลา หัวหิน

ตลาดฉัตรศิลา

ตลาดฉัตรศิลา

ตลาดฉัตรศิลา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวไทย

          "หัวหินถิ่นมนต์ขลัง ทะเลสวย นักมวยดัง พระราชวังงดงาม" นี่คือคำขวัญที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะที่นี่มีของดีซุกซ่อนอยู่มากมาย ทั้งทะเลสวย ๆ หาดทรายนุ่ม ๆ อาหารทะเลรสเยี่ยม สถาปัตยกรรมเก่า ๆ ตลาดโบราณ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชิค ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลินวาน, Cicada Market, ตลาดน้ำหัวหิน, ตลาดน้ำสามพันนาม เป็นต้น

          แต่วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนออีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ของหัวหิน ที่ใครมีโอกาสไปเยือนต้องลองแวะเวียนไปสัมผัส นั่นคือ ตลาดฉัตรศิลา หัวหิน ตลาดแห่งใหม่ใจกลางเมืองในสไตล์ย้อนยุค จะเก๋ไก๋ขนาดไหนนั้น ตามเราไปเที่ยว ตลาดฉัตรศิลา หัวหิน ย้อนความหลังกันดีกว่า...

ตลาดฉัตรศิลา

ตลาดฉัตรศิลา

          ตลาดฉัตรศิลา หรือ ฉัตรศิลา ไนท์มาร์เก็ต (Chatsila Night Market) ตลาดนัดกลางคืนเปิดมาได้ไม่นาน ตกแต่งในสไตล์ย้อนยุคสุดคลาสสิก กิ๊บเก๋ด้วยการนำเอารถโบราณ ตู้ไปรษณีย์ทรงเท่ ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ มาวางสอดแทรกกลมกลืนไปกับตลาดได้อย่างลงตัว แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไฮไลท์ คือ เรือนแถวไม้โบราณสีขาว ที่ตั้งตระหง่านสร้างกลิ่นอายในวันวานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังบริเวณชั้นสองของบ้าน ยังถูกดัดแปลงมาเป็นแกลเลอรี่แสดงภาพถ่ายหัวหินในยุคก่อนอีกด้วย

ตลาดฉัตรศิลา

ตลาดฉัตรศิลา

          สำหรับ ตลาดฉัตรศิลา หัวหิน เข้าได้ทั้งจากทางตลาดโต้รุ่งหัวหิน (เข้าจากริมถนนไปประมาณ 20 เมตรซ้ายมือ) หรือริมถนนตรงข้ามร้านสตาร์บัคส์ก็ได้ ภายในตลาดฉัตรศิลามีร้านค้าให้เลือกช้อป เลือกชมมากมาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของฝาก ของที่ระลึกต่าง ๆ และสำหรับใครที่ชื่นชอบสินค้าทำด้วยมือยิ่งไม่ควรพลาด เพราะที่ตลาดฉัตรศิลามีสินค้าแนว ๆ นี้วางขายอยู่เพียบ เช่น กระเป๋า, ซองใส่โทรศัพท์มือถือ, โปสการ์ด, สมุดโน้ต, พวงกุญแจ และตุ๊กตาไหมพรม ฯลฯ อะ ๆ แอบกระซิบนิดนึงว่าราคาสินค้าไม่แพงอย่างที่คิดนะจ๊ะ 

ตลาดฉัตรศิลา

ตลาดฉัตรศิลา

          นอกจากสินค้าแจ่ม ๆ แล้ว ตลาดฉัตรศิลายังมีมุมเก๋ ๆ ให้คุณสาว ๆ ได้โพสต์ท่าสวย ๆ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยเฉพาะภาพหัวหินในอดีตบนกำแพงสีขาวยาว ๆ คลาสสิกไม่แพ้ใคร

          และนี่คือ "ตลาดฉัตรศิลา" ตลาดนัดกลางคืนที่เรานำมาฝากกัน หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวหัวหินก็อย่าลืมไปเดินทอดน่อง ซึมซับกลิ่นอายของวันวาน ณ ตลาดฉัตรศิลา ซึ่งเปิดให้คุณสัมผัสทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น. ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทรศัพท์ 0 3251 3885, 0 3251 3871, 0 3251 3854