บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

โมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น

โมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น

โมโกจู



โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ burikinn

          ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดสูงสุดแห่งหนึ่งในผืนป่าตะวันตก สำหรับ "ยอดเขาโมโกจู" ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจู จึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 5 วัน แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่ โมโกจู ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน ที่จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต

          คำว่า "โมโกจู" เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก ซึ่งเนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก และมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว อากาศเย็นยะเยือกและมองจากยอดเขาลงไป จะเห็นทะเลหมอกห่มคลุมผืนป่าจดโค้งขอบฟ้า เหนือป่าตะวันตกอันกว้างไกลสุดสายตา

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

          สำหรับการเดินเท้าขึ้น โมโกจู จะต้องติดต่อจองช่วงเวลากับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์โดยตรง และจะต้องดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของทางอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด รวมถึงควรเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้น ควรศึกษาสภาพเส้นทางและสภาพอากาศ

โมโกจู

น้ำตกแม่รีวา

          ทั้งนี้ ก่อนเดินเท้าพิชิต ยอดเขาโมโกจู จะมีเจ้าหน้าที่มาปฐมนิเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมและให้ความรู้ ในสิ่งที่เราควรทำและไม่ควรทำ รวมถึงชะตากรรม เอ้ย...สิ่งที่ต้องไปประสบพบเจอกันซะหน่อย ก่อนจะออกเดินทางไปยังแคมป์แรกคือ แคมป์แม่กระสา เพื่อค้างคืนแรก และเช้าถัดมาก็เดินต่อไปแวะกินข้าวเที่ยง เคล้าธรรมชาติกันที่ แคมป์แม่เรวา พร้อม ๆ กับกางเต๊นท์สำหรับคืนที่สอง ซึ่งถ้าใครอยากจะแวะไปสัมผัสกับ น้ำตกแม่รีวา ก็สามารถไปได้ เพราะห่างจากแคมป์ประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 1 ชั่วโมง

         ตื่นเช้าวันที่สาม เก็บข้าวเก็บของเดินต่อไปยัง แคมป์ตีนดอย เพื่อปีนขึ้นไป ยอดโมโกจู ชื่นชมกับความงดงามของวิวทิวเขา ม่านหมอกและก้อนเมฆ ซึ่งใช้เวลาเดินขึ้นไปสัก 20 นาที ก็จะถึงยอด และทันทีที่ถึง แคมป์ตีนดอย หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อยกันแล้ว สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนทำคือ วางข้าววางของก่อนจะเดินตัวปลิว สะพายกล้องคู่ชีพไปยัง "หินเรือใบ" ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของ เขาโมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

          แหม...ขอบอกว่าระหว่างทางหวาดเสียวสุด ๆ เพราะต้องเดินบนสันเขาที่มีความกว้างประมาณ 1 เมตร แต่วินาทีที่มาถึงบอกได้คำเดียวว่า "คุ้มค่า" กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดหลายวัน หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะถูกความสุข ความอิ่มเอม ถาโถมเข้ามาแทนที่ ก่อนจะไปแชะภาพบรรยากาศเก็บไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะการถ่ายภาพพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ที่เรียกได้ว่า งดงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ เลย และค้างคืนกันบนยอดโมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

โมโกจู

          ก่อนจะตื่นเช้ามาวันที่สี่ รับสายลมเย็น ๆ พร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นให้ฉ่ำใจ และค่อย ๆ เดินลงมาที่ แคมป์แม่กระสา เพื่อพักค้างคืนสุดท้าย และตื่นมาร่ำลา "โมโกจู" ในเช้าวันที่ห้า เพื่อทิ้งเหนื่อยล้าไว้ข้างหลัง แต่เก็บเกี่ยวเอาความสุขกลับไปเป็นของฝาก ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ กิโลเมตรที่ 65 ถนนสายคลองลาน-อุ้มผาง กิโลเมตรที่ 65 อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร 62180 โทรศัพท์ 0-5571-9010-1, 0 5576 6027, 0 5576 6436 โทรสาร 0 5576 6436

โมโกจู

          หมายเหตุ : เส้นทางไป ยอดเขาโมโกจู เป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกล ต้องข้ามน้ำ ปีนเขาที่สูงชันมาก ใช้เวลาเดินป่าไป-กลับ 5 วัน จึงควรเตรียมร่างกายกับสัมภาระให้พร้อม และติดต่อเพื่อขอเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ช่วงเวลาที่เปิดให้เดินป่าคือเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี

โมโกจู

การเดินทาง

          จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 เลี้ยวซ้าย กิโลเมตรที่ 338 เข้าทางหลวงหมายเลข 1117 สายคลองลาน-อุ้มผาง เมื่อถึงสี่แยกเข้าคลองลานให้ตรงไปอีก 19 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ แต่หากใช้ทางหลวงหมายเลข 1072 สายลาดยาว-คลองลาน เมื่อถึงสี่แยกตลาดคลองลานแล้วให้เลี้ยวซ้ายไปที่ทำการอุทยานฯ หรือ นั่งรถโดยสารปรับอากาศ กรุงเทพฯ-คลองลาน ลงที่ตลาดคลองลาน แล้วเหมารถสองแถวหรือรถมอเตอร์ไซด์ไปอุทยานฯ ได้เช่นเดียวกัน

นอนน้ำหนาว คราวหน้าฝน

นอนน้ำหนาว คราวหน้าฝน

น้ำหนาว

น้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

น้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

น้ำหนาว

น้ำหนาว


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Envy_Evil, คุณ chotto, คุณ Teo และ ไทยโพสต์       

          ช่วง ฤดูฝนแบบนี้ใคร ๆ ก็ไม่อยากออกจากบ้าน เพราะคิดว่ามีแต่ความเฉอะแฉะ น่าเบื่อหน่าย ทำอะไรไม่ได้ มนุษย์เรามักเอาความรู้จากสิ่งที่คนอื่นบอกเล่ามาเป็นดัชนีชี้วัด และเป็นความคาดหวังว่าสิ่งที่จะพบเจอข้างหน้านั้น ต้องเหมือนกันทุกครั้งไป โดยลืมไปว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้เปลี่ยนไปเสมอ ไม่มีสิ่งใดหยุดอยู่กับที่

          การมาเยี่ยมเยือน อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ไม่ใช่เป็นการเที่ยวป่าหน้าฝนครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ต้อง ยอมรับว่าแต่ละครั้งนั้น ในความเก่า มีความใหม่ซุกซ่อนอยู่ สถานที่เดียวกัน เพียงเปลี่ยนวัน เปลี่ยนเวลา เปลี่ยนวาระ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความรู้สึกแปลกใหม่ได้เสมอ ทุกวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จึงเป็นโมงยามของความสดใหม่ และความมีชีวิตชีวาเข้ามาให้เราเสมอ หากฉลาดเรียนรู้ที่จะใช้ให้เป็น

น้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

          อุทยานแห่งชาติ น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยม ในหมู่นักเดินทางที่ชอบการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ โดยประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ครอบคลุมพื้นที่ป่ารอยต่อสองจังหวัด คือ ในเขตอำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่รวม 603,750 ไร่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อุณหภูมิประมาณ 2-5 องศาเซลเซียส

          เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย มีสัตว์ป่าชุกชุม รวมทั้งนกชนิดต่างๆ ตามเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติบนเขาสูง ผ่านจุดชมวิวริมหน้าผาสวยงาม อาทิ ผากลางโหล่น ผาล้อม ผากอง นอกจากนั้นยังมีถ้ำและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง

น้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

          ลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปอากาศหนาวเย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม ส่วนใหญ่ฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นมาก จนบางครั้งน้ำค้างจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม ซึ่งในบางปีอุณหภูมิจะลดต่ำถึง 0 องศาเซลเซียส

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

          ทางอุทยานฯ ได้จัด เส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่า ได้แก่ เส้นทางแรก เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากทางแยกใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ระหว่างทางจะได้พบเห็นนกชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนจะพบรอยช้างจำนวนมาก

          เส้นทางที่สอง เริ่มจากทางเดินตรงข้ามที่ทำการอุทยานฯ ลัดเลาะผ่านป่าเต็งรัง บ่อดินโป่ง ซึ่งมีช้าง กวาง และสัตว์อื่นๆ ทางสายนี้ไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน ระยะทาง 8 กิโลเมตร และถ้าเดินกลับที่พักต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร

น้ำหนาว

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

          หากนักท่อง เที่ยวที่มีความประสงค์ต้องการเดินชมธรรมชาติต่อ สามารถใช้เส้นทางเดินเท้าราบที่ทางอุทยานฯ ได้จัดไว้ โดยเริ่มจากหน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน ผ่านใจกลางอุทยานฯ สุดทางจะเป็นจุดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนเนินภูกุ่มข้าว จะเห็นยอดสนในบริเวณสวนสนอยู่ในระดับสายตา ระหว่างทางเดินจะพบสัตว์ป่า เช่น ช้าง กวาง เก้ง ระยะทางหน่วยพิทักษ์ซำบอนถึงสวนสนประมาณ 12 กิโลเมตร

          สนใจ อยากไปนอนหนาวที่อุทยานน้ำหนาวในทุกฤดูกาล ติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์ 67260 โทรศัพท์ 0- 5672-9002